พอดีเห็นมีคนส่งมาข่ม พูดจาไม่โอเครเลย ตอนแรกเราก็คุยปกติเห็นไม่มีอะไร แต่พอเราบอกไป เอ๊ะยังไง มาบอกว่าครีมนั้น ครีมนี้ไม่ดี ครีมที่ตัวเองส่งมา ไม่รู้ว่ามีส่วนได้ส่วนเสียอะไร มาข่มเรา เห็นส่วนประกอบเยอะจริง แต่แอบขำนะ เพราะเคยทำมาแล้ว ส่วนประกอบเยอะๆ อ่ะ สรุปลูกค้างง และหลายตัว ไม่ได้เรื่อง บางตัวเป็น Flim Former คนเป็นสิวใช้แล้ว ผิวหายใจไม่สะดวก อุดตันไปอีก ผิวตึงไม่อีกไม่สบายผิว เน้นเคลือบข้างนอก ไม่เน้นซึม
ยกตัวอย่าง Glycerin มาเคลมความชุ่มชื้น 15% เยอะไปไหนครับ กลีเซอรีนซึ่งมีมานาน พูดง่ายๆ คือ โบราณ หน้าที่หลักตอนนี้คือให้ตามชุ่มชื้นจริงอยู่ แต่สารที่ดีกว่า เช่น PG BG หรือ Isoprene Glycol ยังดีกว่ามาก แต่เพราะราคาสูง แต่เพื่อผิวแพ้ง่าย แบรนด์ที่เลือกใช้ Glycol ที่ไม่ใช้ Glycerin ก็ถือว่าให้ความสำคัญกับสินค้าจริงๆ จึงมีคำว่า GlycolFree
คำถามคือ ทำไมต้องใส่ตั้ง 15% glycerin แล้วทำไมตัวที่ mild กว่า glycerin ถึงไม่ใช้ เช่น pg และ bg ซึ่งละลายน้ำได้ดีกว่าความเหนอะน้อยกว่า แล้วใส่15%เพื่ออะไร ขอคำตอบหน่อยครับSodium pca ก็เป็น สารให้ความชุ่มชื่นเหมือนกัน ทำไมต้องใส่ ซ้ำกันเยอะแยะ ไม่เหนอะหนะหรือ หรือแค่ค้องการเคลมว่ามีสารให้ความชุ่มชื่นหลายตัวแล้วรู้ไหม สารกลุ่ม moiturizer มีทั้งหมดกี่กลุ่ม และทำหน้าที่ต่างกันอย่างไร ซึ่ง ทั้ง Glycerin และ Sodium PCA คือสารกลุ่มเดียวกัน เลย งง
ปกติแล้ว Glycerin จะไม่ใส่เยอะเพราะมันทาแล้วร้อน ใช้เยอะหน้าลอกเอาได้ เอาไปทำครีมนวดตัวแบบอุ่น อิอิ หน้าที่ตอนนี้คือเพิ่ม Stability ให้ครีมไม่ Dry Out ไม่แห้งไปเมื่อตั้งทิ้งไว้นาน เพิ่มอายุให้สินค้า และราคาถูกสุด ประมาณกิโลละ 30-50 พอดีจำราคาแน่นอนไม่ได้ครับ อิอิ
Sodium PCA สารให้ความชุ่มชื้นที่มีนาน อันนี้ก็รุ่นโบราณ แต่ยังไงก็ตามสารหลายตัวที่ใช้มานาน ก็มีดีอยู่ สารให้ความชุ่มชื้นที่นิยมตอนนี้ คือ น้ำตาลต่างๆ และ Urea
น้ำมันให้ความชุ่มชื้น เขาเลยมี oil-free skincare อันนี้แพมเลี่ยงเลย เพราะอุดตันผิวสุดๆ ซิลิโคนเหมือนกัน แต่บางที่ก็บอกว่าซิลิโคนแค่เคลือบผิว แต่รู้ไหมว่ามันล้างออกยากสุดๆๆๆๆๆๆ เอาแฟบล้างยังออกไม่หมดเลย
ถ้าอยากให้ผิวเด้งๆ ไปใช้ emollient ยังดีกว่าครับ ฟิวลิ่งเริด
และทั้งหมดทั้งปวง % สูงไม่ใช่ว่าจะดี ใช้แล้วเหนียว หน้าแดง แพ้ ส่วนผสมตีกัน ไม่สเถียร และมันก็ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ว่าครีมเขาจะออกแบบมาให้เป็นแนวไหน การตลาดแบบไหน