ทุกสูตรของพิกใช้ โซเดียมไฮยาลูรอเนตโมเลกุลเล็ก และจะเล็กมากที่สุด คือใน พิก โบทานิค ซุปเปอร์เซรั่ม ซึ่งเล็กมากที่สุดในตลาด คือ 8,000 ดาลตัน ซึ่งทั่วไปใช้ที่ 1.5 ล้านดาลตัน
โดยมีคุณสมบัตินำพาสารสกัดซึมลึกสุด ชุ่มชื้นมากกว่าปกติหลายเท่า จึงเห็นผลมากกว่า และไม่มีเจลอย่าง cellulose หรือ xantan gum

ถ้าเทียบกับคอลลาเจนล่ะ ?
คอลลาเจนไม่ได้ช่วยให้ผิวแข็งแรง จริงอยู่ที่คอลลาเจนเป็นส่วนประกอบของผิว แต่กลุ่มคอลลาเจนในเครื่องสำอางนี้จัดเป็นโปรตีนที่สกัดจากสัตว์ ซึ่งโมเลกุลใหญ่มาก ไม่สามารถซึมผ่านผิวได้ แม้จะเป็น hydrolyzed collagen ที่โมเลกุลเล็กขนาดไหนก็ตาม ก็ยังไม่ดีเท่าไฮยาลูรอน
การใส่คอลลาเจนในเครื่องสำอาง เพื่อมาเคลมการตลาด และเป็นสารให้ความชุ่มชื้น ในลักษณะของ film former ที่เคลือบไว้บนผิว แต่ไม่สามารถซึมเข้าไปในผิว ประสิทธิภาพความชุ่มชื้นต่ำมาก ดังนั้นผิวจะแข็งแรงได้ ไม่จำเป็นต้องมีสารนี้

ไฮยาลูรอนคืออะไร?
สามารถเรียกได้ดังนี้
- Sodium Hyaluronate
- Hyaluronate
- Hyaluronic Acid
ไฮยาลูรอนเป็นสารธรรมชาติที่ร่างกายสร้างขึ้นได้เอง มีหน้าที่สำคัญดังนี้
- ทางด้านผิว มีลักษณะเหมือนเจลแทรกอยู่ระหว่างเซลล์ผิว ทำหน้าที่กักเก็บน้ำแก่เซลล์ และเป็น Humectant คือช่วยดึงน้ำจากบรรยากาศเข้าหาตัวเอง ป้องกันน้ำไม่ให้ระเหยออกจากผิว
- ทำหน้าที่เป็นส่วนประกอบหลักของน้ำไขข้อ หล่อเลี้ยงข้อต่อ น้ำเลี้ยงลูกตา น้ำหล่อลื่นบริเวณส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมทั้งลดการเสียดสีของอวัยวะและเซลล์ได้ด้วย

คุณสมบัติดูแลผิวของไฮยาลูรอน
- ความชุ่มชื้น
ไฮยาลูรอนจัดเป็น Moisturizer ที่ดีที่สุด ทั้งเติมความชุ่มชื้น ช่วยให้ผิวโอบอุ้มน้ำ รักษาความชุ่มชื้นได้ยาวนาน ให้ผิวมีความสมดุลอยู่ตลอด - ผิวเนียนกระชับ
เมื่อผิวมีความชุ่มชื้นที่ดี จะคอยเชื่อมต่อระหว่าง ชั้นผิวหนังแท้กับคอลลาเจนและอีลาสตินเข้าด้วยกัน ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น เรียบเนียนและกระชับขึ้น - นำพาสารอาหารผิว
เป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติพิเศษ ในการนำสารอาหารหรือสารสกัดเข้าสู่เซลล์ผิวได้ล้ำลึก ทำให้เซลล์ผิวแข็งแรง

ไฮยาลูรอนสังเคราะห์
ด้วยปัจจัยของอายุที่มากขึ้น มลภาวะ แสงแดด ทำให้ร่างกายจะสร้างไฮยาลูรอนลดลง นักวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์จึงได้คิดค้น กรดไฮยารูโรนิคสังเคราะห์ เพื่อทดแทนส่วนที่ร่างกายสร้างขึ้น
ซึ่งได้นำมาเป็นส่วนผสมหลักของครีมและเซรั่ม แม้กระทั่งเครื่องสำอางอย่าง ลิปสติก เป็นต้น โดยใช้ชื่อสารว่า “Sodium Hyaluronate” ร่วมกับ “โคเอนไซม์คิวเท็น” (Coenzyme Q10) วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ เพื่อใช้บำรุงและแก้ปัญหาต่างๆ ให้กับผิว
- แก้ผิวขาดความสมดุล ผิวแห้ง เป็นขุย หรือหลุดลอกเป็นแผ่นๆ ด้วยคุณสมบัติกักเก็บความชุ่มชื้นในชั้นผิวได้ดีเยี่ยม
- ลดอาการอักเสบของสิวซ่อมแซมผิวที่ถูกทำลาย เร่งกระบวนการฟื้นฟูเซลล์ที่มีผลต่อการหายของแผล
- ลดการสร้างอนุมูลอิสระ และกรองรังสี UV ที่จะทำร้ายผิว
- กรดไฮยาลูรอนิคยังช่วยให้รักษาอาการบาดเจ็บของเซลล์ผิวหนังได้เร็วกว่าเดิม 80% อีกด้วย นั่นหมายความว่าผิวสามารถที่จะสมานและฟื้นฟูตัวเองได้เร็วขึ้น ผลดีอีกข้อนั่นก็คือการช่วยทำให้ผิวดูเต่งตึงขึ้นด้วย (plump effect)

นอกจากนี้ยังใช้ประโยชน์ด้านอื่นๆ ได้ด้วย
- นำมาเป็นยาประเภทฉีด เพื่อบำบัดรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis of the knee)และภาวะอักเสบรอบข้อไหล่ (Scapulohumeral periarthritis) หรือลดอาการปวดกล้ามเนื้อ/ปวดข้อได้ผลชะงัด
- ถูกพัฒนามาเป็น ผลิตภัณฑ์น้ำตาเทียม (Artificial tear) เพื่อช่วยหล่อลื่นลูกตา ลดอาการระคายเคืองในลูกตา บรรเทาอาการตาแห้ง

ไฮยาลูรอนจากจุลินทรีย์
เมื่อนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้น จึงมีการสกัด ไฮยาลูโรนิค แอซิด จากเห็ดหูหนูขาวหรือผ่านการเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์ขึ้นมา ด้วยประโยชน์ที่มากกว่าดังนี้
- เพื่อทดแทนการสกัดจากหงอนไก่ ที่เสี่ยงต่อการปนเปื้อนของเชื้อ
- การสกัดจากเห็ดหูหนูขาว ยังมีความเป็นธรรมชาติสูงกว่า ปลอดภัยและอ่อนโยนกว่าอีกด้วย
- แต่ที่ดีที่วุด คือจากการเลี้ยงจุลินทรีย์ที่มีความทันสมัยมากกว่า
2 thoughts on “ไฮยาลูรอน”
Comments are closed.