เพราะ พิกมีส่วนประกอบของโซเดียมไฮยาลูรอเนตที่เข้มข้นสุดในตลาด ด้วยความเข้มข้นสูง พร้อมกับโมเลกุลที่เล็กสุด จึงซึมเข้าผิวได้มากสุด ทำให้ผิวแห้งตึงและคันได้ในช่วงแรก ส่วนใหญ่จะเกิดกับผิวที่แห้งอยู่แล้ว เมื่อทาแล้วซึมเข้าผิวหมด
ไม่ได้ให้ความชุ่มชื้นภายนอก ให้รอประมาณ 30 นาที เพื่อบำรุงให้เห็นผลดีสุด หากใช้ต่อเนื่องนานๆ ผิวจะเร่งชดเชยน้ำที่เสียไป ทำให้ผิวดีขึ้นมากๆ ในภายหลัง แต่ไม่ได้มีผลเสียอันตรายเลย
และทุกสูตรของพิกมี วิตามินบี 3 เข้มข้นสุดหากใช้เยอะเกินไปจะทำให้ผิวสากได้ เพราะเป็นของแข็ง
วิธีแก้
จากคำถามที่ลูกค้าถามเข้ามา ส่วนน้อยใช้พิกแล้วทำไมถึงหน้าแห้ง ลอก เนื่องจากพิกมีโซเดียมไฮยาลูรอเนต เข้มข้นสุดในตลาด และด้วยความเข้มข้นสูง ผิวจะดึงน้ำมากในช่วงแรก สำหรับคนที่ผิวแห้งอยู่แล้ว จะต้องใช้เวลาในการดึงน้ำ ใช้ต่อเนื่องผิวจะค่อยๆชุ่มชื่นขึ้นมา ผิวแห้ง สาก ลอก จะค่อยๆดีขึ้น
ทาบางลง
ทาเซรั่มน้อยลง ทาบางๆ เพื่อความสบายผิวเหมือนไม่ได้ทาอะไร แต่ยังให้การบำรุงดีเหมือนเดิม เพราะพิกเป็นสูตรเข้นข้น การใช้พิกควรทาแต่ละครั้งไม่ควรเกิน 1 ปั๊ม ก็สามารถเกลี่ยได้ทั่วหน้า หรือจะล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า เพื่อให้น้ำไปเก็บกับโซเดียมไฮยาลูรอเนตใต้ผิว หรือจะใช้ Sensitive แทนในช่วงนี้ก่อนก็ได้เพราะเป็นสูตรไม่มีโซเดียมไฮยาลูรอนเนต
ใช้น้ำลูบผิว
แก้ไขได้ทันที เมื่อตอนใช้เซรั่มเยอะเกิน ให้ใช้น้ำเปล่าลูบ ตรงที่เป็นสะเก็ดลอกบนผิว จะทำให้เซรั่มที่เหลือซึมเข้าผิว
ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง
หากล้างหน้าบ่อยเกินไป จะทำให้ผิวแห้งลง และยากต่อการลงเซรั่ม เพราะพิกมีโมเลกุลเล็ก อาจซึมเข้าผิวไม่ดีเท่าที่ควร
เปลี่ยนใช้พิกตัวอื่น
หากเริ่มต้นใช้พิก ควรใช้ Aloe ก่อน ซึ่งตัวนี้อ่อนโยนมาก ไม่ทำให้ผิวตึง ผิวแพ้ง่ายแค่ไหนก็ใช้ได้ เมื่อใช้แล้วชอบแนะนำให้เปลี่ยนใช้ตัวอื่นได้
แม้ว่าเรามี Super Serum ที่เป็นสูตรดีสุด แต่ด้วยความที่ผิวของแต่ละคนต่างกัน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ได้กับทุกผิว โดยไม่มีอาการเหล่านี้
ไม่เหมือนครีมทั่วไป
ซึ่งครีมทั่วไปที่ไม่เกิดเหตุการ์แบบนี้ เพราะไม่มีความเข้มข้น ซึ่งใช้แล้วก็ไม่ทำให้ผิวดีขึ้น หรือให้ความชุ่มชื้นดีแค่เริ่มต้นจากน้ำมัน แต่ไม่นานผิวก็แห้ง เพราะน้ำมันละลายชั้นไขมันธรรมชาติของผิว หรือผิวยังต้องชินกับการทามอยส์เจอไรเซอร์บ่อยๆ จนหยุดการสร้างความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ